นอกจากนี้
โปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนยังช่วยกันควบคุมการตั้งครรภ์ในช่วงแรก ๆ เช่น
ปรับสภาพเยื่อบุโพรงมดลูกให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดการฝังตัวได้ ช่วยสะสมไขมันให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
เพื่อให้มีพลังงาน และสารอาหารเลี้ยงทารก รวมทั้งช่วยทำให้เต้านมขยายใหญ่ขึ้น
เพื่อเตรียมผลิตน้ำนมให้ลูกหลังคลอด นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้ร่างกายหายใจเร็วขึ้น
เพื่อสูดออกซิเจนเข้าปอดมาก ๆ นั่นจึงทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์จะรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม
อีกทั้งยังรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดแข้งปวดขา
เพราะฮอร์โมนจะไปทำให้กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อยืดขยายนั่นเอง
นั่นคือหน้าที่หลัก ๆ
ของโปรเจสเตอโรนในช่วงที่ตั้งครรภ์ แต่หากในช่วงที่ไม่มีการตั้งครรภ์
โปรเจสเตอโรนก็จะไปสลายเยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาขึ้น (จากการทำงานของเอสโตรเจน)
ให้หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน อย่างที่สาว ๆ เป็นกันทุกเดือน
ซึ่งระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนี้ จะมีปริมาณสูงสุดประมาณวันที่ 21-23 ของรอบเดือน (หลังตกไข่ 1
สัปดาห์) แต่จะลดลงต่ำสุดประมาณวันที่ 1-9 ของรอบเดือน
เคยสังเกตได้ว่าช่วงหลังไข่ตก
ซึ่งเป็นช่วงที่มีโปรเจสเตอโรนสูง ช่วงนั้นผู้หญิง จะมีสิวขึ้นทุกที เพราะโปรเจสเตอโรนที่หลั่งเพิ่มขึ้นไปทำให้เกิดการคั่งน้ำในร่างกาย
จนทำให้รูขุมขนบวมมากขึ้น
อีกทั้งยังหลั่งน้ำมันมาหล่อเลี้ยงผิวมากขึ้นจนเกิดการสะสมอุดตันตามใบหน้านั่นเอง
โดยธรรมชาติแล้ว
ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนออกมาไปจนถึงอายุ 50 ปีปลาย ๆ จากนั้น ฮอร์โมนจะเริ่มผลิตน้อยลง
หรือที่เรียกว่าเข้าสู่ภาวะวัยทอง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแปลก ๆ เช่น นอนไม่หลับ
เหงื่อออกง่าย ผิวแห้งเหี่ยว กระดูกพรุน ร้อนวูบวาบ น้ำหนักขึ้น ฯลฯ รวมทั้งลักษณะนิสัยที่มักจะหงุดหงิดง่าย
มักมีปัญหาเรื่องอารมณ์ เกิดความรู้สึกเบื่อ เซ็ง ซึมเศร้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น