วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

ตับของเรา...เราต้องรู้(ซิ)


สิว...บอกอะไรมากกว่าที่คิด


Healthy Tip ;)


เซโรโทนิน...ฮอร์โมนแห่งความสงบ

           

            ฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ใครที่มักมีอารมณ์เหงา เศร้า จนพาลนอนไม่หลับ ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนตัวนี้ด้วย เพราะเซโรโทนินเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง สังเคราะห์มาจากกรดอะมิโนจำเป็นที่ชื่อว่า "ทริปโตเฟน" ที่อยู่ในสมอง มีหน้าที่ควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ควบคุมวงจรการนอนหลับ อุณหภูมิกาย ความดันโลหิต การหลั่งฮอร์โมน การรับรู้ความเจ็บปวด ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับระบบเข็มนาฬิกาของสมองนั่นเอง
          หากร่างกายมีสารเซโรโทนินอย่างเพียงพอ ก็จะช่วยให้อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์มั่นคง ไม่แปรปรวน ตอบสนองต่อความเครียดได้ดี แต่ถ้าอยู่ในภาวะเครียด เซโรโทนินจะลดลง และจะให้ผลตรงกันข้าม คือ เราจะรู้สึกหงุดหงิด ขาดสมาธิ นอนไม่หลับ หากมีอาการเจ็บปวดอยู่ก็จะรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น บางคนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า หรือภาวะไบโพลาร์ ที่เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวก็อารมณ์ร้ายได้เลย

          ดังนั้น ใครที่ชอบเครียดง่าย หงุดหงิดบ่อย นอนไม่หลับ ลองทานอาหารประเภทโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเหลือง ปลา จะได้รับกรดอะมิโนรวมทั้งทริปโตเฟนไว้ใช้สร้างสารเซโรโทนินด้วย และควรทานสารอาหารคาร์โบไฮเดรตจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าว พาสต้า ผักประเภทหัว ธัญพืช รวมถึงเห็ด ถั่วเขียว หัวเผือก หัวมัน มันเทศ มันฝรั่ง ฟักทอง ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ข้าวโพด ผักกาดขาว แคนตาลูป ขนมปัง เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมทริปโตเฟนให้มากขึ้น

อีพีเนฟรีน (อะดรีนาลิน)...ฮอร์โมนหลั่งป้องกันอันตราย

               

               เวลาที่เราโกรธจัด กลัว ตกใจมาก ๆ ตื่นเต้นสุด ๆ ร่างกายของเราจะเกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น เช่น หน้าแดง ตัวสั่น มือสั่น หายใจเร็วขึ้น หัวใจเต้นแรง มีกำลังวังชามากขึ้น นี่เป็นผลมาจากฮอร์โมนอะดรีนาลิน (Adrenaline) หรืออีกชื่อว่า อีพีเนฟรีน (Epinephrine) ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกัน
             ฮอร์โมนอะดรีนาลิน สร้างขึ้นจากต่อมหมวกไตจะหลั่งออกมาเวลาที่เราอยู่ในภาวะตกใจ โกรธ ตื่นเต้น ตกอยู่ในอันตราย หรือเกิดความเครียด ซึ่งเมื่อหลั่งออกมาแล้ว จะไปกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ทำให้ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น คือ
v เปลี่ยนไกลโคเจนในตับให้เป็นกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด ทำมีน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น การเผาผลาญอาหารเพิ่มมากขึ้น เป็นผลให้กล้ามเนื้อมีแรงมหาศาล
v ทำให้แรงดันของโลหิตเพิ่มขึ้น
v ทำให้หลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่บริเวณอวัยวะภายในต่าง ๆ ขยายตัว แต่เส้นเลือดขนาดเล็กที่ผิวหนัง และช่องท้องหดตัว และกลูโคสไปให้เซลล์ในร่างกายได้มากขึ้น และเข้าสู่ปอดได้รวดเร็ว
v กระตุ้นให้หัวใจบีบตัว ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น มีการสูบฉีดโลหิตเพิ่มขึ้น เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวมากกว่าปกติ จะได้เตรียมต่อสู้ หรือหนี
v กระตุ้นให้หลอดลมขยายตัว เพื่อให้ปอดรับออกซิเจนได้เต็มที่ ทำให้อัตราการหายใจเพิ่มขึ้น
v รูม่านตาเบิกกว้าง ช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น
          สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว มีพละกำลังมากขึ้น เพราะเป็นการกระตุ้นให้กลไกของร่างกายทำงานในประสิทธิภาพขั้นสูงสุด ซึ่งจะช่วยเรามีพละกำลังรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และป้องกันตัวได้นั่นเอง
             หากนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไรก็ลองนึกถึงเวลาเกิดไฟไหม้ดู เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนในอยู่ในสถานการณ์นั้นสามารถยกตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้าหนัก ๆ วิ่งปรื๋อออกมาคนเดียวได้สบาย ๆ นั่นเพราะอะดรีนาลินที่หลั่งออกมาจะไปช่วยเพิ่มพลังให้เราสามารถเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อเหตุการณ์สงบแล้ว ลองให้ยกตู้เย็นดูอีกครั้งยังไงก็ยกไม่ไหวแน่ ๆ นี่ล่ะคือพลังของอะดรีนาลิน ซึ่งจะช่วยให้เรามีพลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อในเวลาสั้น ๆ

             ถ้าใครมีการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินออกมามากเกินไป โดยเฉพาะคนที่เป็นเนื้องอกในต่อมหมวกไตชั้นใน หรือได้รับสารนี้เกินขนาด ย่อมเกิดอันตรายต่อร่างกายแน่นอน ถ้าแบบไม่รุนแรงนักก็คือจะรู้สึกอ่อนเพลียมาก น้ำหนักลด แต่น้ำตาลในเลือดสูง ผิวหนังตอบสนองเร็ว แต่ถ้ารุนแรงมาก ๆ ก็มีผลถึงแก่ชีวิต เพราะฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วมากเกินไป จนอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน และยังทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เสี่ยงต่อเส้นเลือดในสมองแตก แต่หากขาดอะดรีนาลินไปเลย ก็จะทำให้เป็นคนอ่อนแอทั้งทางกายและจิตใจได้เหมือนกัน

คอร์ติซอล...ฮอร์โมนแห่งความเครียด (แถมโรคอ้วน)

             

               ฮอร์โมนตัวนี้ ตรงกันข้ามกับ "เอ็นดอร์ฟิน" คนส่วนใหญ่อยากมีฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินมาก ๆ จะได้มีความสุข ไม่มีใครอยากมีฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) มาก ๆ แน่ เพราะนี่เป็นฮอร์โมนที่จะถูกปล่อยออกมาเมื่อเรามีความเครียด แต่ถึงกระนั้น คอร์ติซอล ก็ถูกจัดเป็นฮอร์โมนที่จำเป็น (Essential Hormone) ที่มีความสำคัญต่อชีวิต หากขาดไปก็จะส่งผลอย่างมากต่อเซลล์ของร่างกาย
             สำหรับฮอร์โมนคอร์ติซอลนี้ถูกผลิตจากต่อมหมวกไต และจะถูกสร้างมากขึ้นในตอนเช้า เพื่อช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ช่วยให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมอง และช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือดด้วย เพื่อให้เราพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาระหว่างวัน ก่อนที่ระดับของฮอร์โมนจะค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งตกเย็น และนอนหลับไป
             ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นในตอนเช้าจะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จนถึงตอนเย็นนะ  เพราะหากระหว่างวันเราเกิดความเครียดขึ้นเมื่อใด ร่างกายก็จะยิ่งหลั่งคอร์ติซอลออกมาเพิ่มขึ้น เพื่อต่อสู้กับความเครียด แล้วรู้ไหมว่า การที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งมาก ๆ มันจะไปกระตุ้นให้เรารู้สึกโหยหิว อยากทานอาหารที่ให้พลังงานสูงมากขึ้น แล้วเก็บสะสมไขมันนั้นไว้เป็นพลังงาน เพื่อดึงออกมาใช้เมื่อคราวจำเป็น ซึ่งนี่เป็นกลไกของร่างกายที่จะชดเชยพลังงานที่คุณสูญเสียไปกับความเครียด ทำให้เรามีเรี่ยวแรงไปต่อสู้กับความเครียด นั่นหมายความว่า ยิ่งเครียดมากเท่าไร ก็ยิ่งอ้วนมากขึ้นเท่านั้น  เพราะจะทำให้อยากทานอาหารไขมันสูง ขนมหวาน ๆ อย่างบอกไม่ถูก
          นอกจากนี้ คอร์ติซอล ยังจะหลั่งออกมามากในคนที่อดหลับอดนอนบ่อย ๆ เพราะยิ่งนอนน้อย ร่างกายก็จะยิ่งอ่อนแอ เมื่อร่างกายอ่อนแอ ก็จะเกิดความเครียดขึ้นตามมา จึงไม่แปลกที่จะมีงานวิจัยชี้ว่า คนที่นอนน้อยมีโอกาสอ้วนมากกว่าคนที่นอนในระดับปกติ คือ 6-8 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม คอร์ติซอล ไม่ได้มีบทบาทเกี่ยวกับความเครียดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ลดการอักเสบของร่างกายด้วย
             ทั้งนี้ หากระดับคอร์ติซอลสูงมาก ๆ เป็นเวลานาน ปัญหาที่ตามมาก็คือ การทำงานของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความจำ ทำให้การทำงานของสมองส่วนนี้จะลดลง เซลล์ประสาท แขนงประสาทจะลดลง รวมทั้งไปขัดขวางเซลล์ใหม่ ๆ ที่มีการสร้างขึ้นด้วย
             นอกจากนี้ ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นในกระแสเลือดยังจะไปกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดโรคตามมาอีกเป็นพรวน เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง ฯลฯ ในผู้หญิงอาจมีปัญหาประจำเดือนขาด ไขมันสะสมมากตามใบหน้า หน้าท้อง ต้นขา ส่วนคุณผู้ชาย ก็ต้องระวังสมรรถภาพทางเพศจะเสื่อมลง
             ควรรักษาระดับคอร์ติซอลให้สมดุล ไม่ให้หลั่งออกมามากเกินไป ด้วยการจัดการที่ต้นเหตุ นั่นก็คือ "กำจัดความเครียด" โดยอาจหากิจกรรมอื่น ๆ ทำ ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปเดินช้อปปิ้ง ฟังเพลงเพราะ ๆ หาหนังตลกมาดู ทำสมาธิอย่างน้อยวันละ 10 นาที นวดคลายเครียด หรือถ้าจะให้ดีก็ลุกขึ้นไปออกกำลังกายซะเลยดีกว่า นอกจากจะลดคอร์ติซอลได้แล้ว ยังเพิ่มระดับเอ็นดอร์ฟิน และช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ด้วย ต่อมาก็คือ พยายามอย่าอดหลับอดนอน และไม่ควรนอนดึกจนเกินไป ดังนั้น อย่าดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ เพราะมีสารคาเฟอีนไปทำให้เราไม่รู้สึกง่วงนอน และเป็นที่มาของอาการนอนไม่หลับ
             หากวิธีเหล่านี้ยังไม่ได้ผล ก็ต้องลองหลีกหนีออกจากความเครียดทั้งหลาย หรือจะปรึกษาจิตแพทย์ให้ช่วยให้คำแนะนำดูสักครั้งก็ดีเหมือนกัน

เอ็นดอร์ฟิน...ฮอร์โมนหลั่งเมื่อฉันฟิน

           
         

          ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) เป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่ได้ยินชื่อกันบ่อยที่สุด เพราะคงเคยได้ยินคนพูดว่าฮอร์โมนนี้ทำให้เรามีความสุข คลายเครียด ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเมื่อเรามีความสุขกายสบายใจ สารเอ็นดอร์ฟินจะหลั่งออกมามากขึ้น แล้วเข้าสู่กระแสเลือด จนสามารถไปกดการสร้างฮอร์โมนแห่งความเครียด เช่น นอร์เอพิเนฟริน ทำให้เรารู้สึกหายเครียด และยังเป็นผลให้ระดับภูมิคุ้มกัน (antibody) ในเลือดเพิ่มขึ้นด้วย
          แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะหน้าที่หลักของเอ็นดอร์ฟินไม่ใช่แค่ทำให้เราเคลิบเคลิ้ม มีความสุข แต่คือการเป็นยาระงับปวดตามธรรมชาติ ที่ต่อมใต้สมองและไฮโปทาลามัสในกระดูกสันหลังสร้างขึ้นมาให้ออกฤทธิ์ไปยับยั้งและบรรเทาความเจ็บปวดให้เรานั่นเอง ซึ่งการทำงานของเอ็นดอร์ฟินจะคล้าย ๆ กับการทำงานของยามอร์ฟีน (Morphine) ที่ในทางการแพทย์จะใช้ฉีดระงับความเจ็บปวดให้คนไข้ และนอกจากจะมีบทบาทควบคุมความรู้สึกเจ็บปวดแล้ว เอ็นดอร์ฟิน ก็ยังควบคุมความรู้สึกหิว และเชื่อมโยงกับการผลิตฮอร์โมนเพศด้วย

             ใครที่อยากให้สารเอ็นดอร์ฟินหลั่งมาก ๆ จะได้มีความสุข ก็แนะนำให้หมั่นออกกำลังกาย และออกไปรับแสงแดดในตอนเช้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างเอ็นดอร์ฟินได้ แต่อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายกว่านั้นก็คือ ลองหัวเราะดูสิ เพราะการวิจัยค้นพบว่า การหัวเราะ การยิ้ม การได้อยู่ใกล้กับสิ่งที่เราพอใจจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมากขึ้นด้วย หากร่างกายมีสารเอ็นดอร์ฟินมาก ๆ เราก็จะมีความสุข ไม่เครียด ระดับความดันโลหิตก็จะเป็นปกติ สุขภาพจิตดีแบบนี้ สุขภาพกายก็แข็งแรงแน่นอน